Hope Lore - Issue 42: THE SUPREMACY ยานในตำนานจาก Unknown Regions

5 ปีที่ผ่านมา
โดย เจ้าของร้าน

The Supremacy เป็นยานรบที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างมา มันทำให้ Super Star Destroyer

ซึ่งเคยเป็นยานนำทัพที่ใหญ่ที่สุดของกองยานจักรวรรดิดูแคระไปเลย คู่แข่งของมันดูเหมือนจะมีแค่อาวุธมหาประลัย Death Star และ โครงการวิศวกรรมที่ใหญ่ระดับดาวเคราะห์อย่าง Starkiller Base เท่านั้น...
























































































THE SUPREMACY ยานในตำนานจาก Unknown Regions

ฝ่ายต่อต้านพยายามอย่างมากเพื่อค้นหาและจัดเรียงข้อมูลเกี่ยวกับพวกปฐมภาคี เพื่อสืบเสาะหาเบาะแสที่สำคัญเกี่ยวกับยานนำทัพที่อยู่เบื้องหลังกองยานของพวกปฐมภาคีให้ได้ ซึ่งพวกเค้าไม่เคยคิดว่ามันจะมีขนาดมหึมาทัดเทียมกับ Starkiller Base ที่หายไปแล้วได้ขนาดนี้

การปรากฏตัวของยาน The Supremacy (เดอะซุปพรีมาซี) ต่อหน้ากองกำลังของฝ่ายต่อต้านในครั้งนั้น เป็นอะไรที่แย่กว่าที่ Leia เคยจินตนาการไว้ และวันนี้เราจะพามาเจาะลึกว่าเพราะอะไร ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่ยานนำทัพ

มันจัดอยู่ในหมวด Mega-class Star Dreadnought นอกจากมีหน้าที่เป็นยานนำทัพแล้ว
ยังเป็นศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่ของปฐมภาคี เพราะมันเป็นทั้งเมือง เหมืองขุดทรัพยาการ โรงงาน และโรงเก็บยานเคลื่อนที่

สิ่งที่ทำให้พวกปฐมภาคีสามารถเติบโตและสร้างกองกำลังได้อย่างลับๆ ไม่ใช่แค่เพราะพวกเค้าอยู่ที่ Unknown Regions เท่านั้น แต่พวกเค้าเคลื่อนไหวปฏิบัติการกองทัพทั้งหมดอยู่บนยานรบขนาดใหญ่ แทนที่จะเลือกปักหลักสร้างฐานที่มั่นขนาดใหญ่ไว้บนดาวดวงไหนซักดวง

ซึ่งผู้ที่เป็นกลุ่มคนที่ร่วมก่อตั้งปฐมภาคี ก็คือ Brendol Hux และ Rae Sloane ได้ใช้ยาน The Eclipse อดีตยานของ Palpatine เพื่อเริ่มภารกิจใหม่ของพวกเค้า (ตามอ่านเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ที่บทความตอนที่ 15)

The Supremacy ถูกสร้างอย่างลับๆ ในระหว่างสงครามเย็น (ระหว่างปฐมภาคี กับ ฝ่ายต่อต้าน) ซึ่งสาธารณรัฐใหม่ (ซึ่งก่อตั้งหลังจากกวาดล้างจักรวรรดิได้สำเร็จ) ไม่ยอมฟังคำเตือนจากฝ่ายต่อต้าน เรื่องการเติบโตขึ้นของปฐมภาคี

ฝ่ายต่อต้านนั้นรู้เรื่องยานลำนี้ก่อนเหตุการณ์ในภาค 8 นานแล้ว เนื่องจากมีข่าวลือมากมายจากนักท่องอวกาศที่เผลอไปพบเจอมัน ถึงกับมีชื่อเล่นให้ด้วยว่า Snoke's Boudoir (สโนค บูดวอร์) ซึ่งก็ตลกดี เพราะ Boudoir แปลว่าห้องนอนของผู้หญิง แต่มีรากศัพท์มาจากภาษาฝรั่งเศษ แปลว่า ที่ของคนขี้งอน

หลังจากได้ทำลายระบบดาวไปหลายดวง ตามมาด้วยการสูญเสีย Starkiller Base Snoke ก็ตัดสินใจเปิดเผยตัวตนของยานของเค้า เพื่อไล่กวาดพวกฝ่ายต่อต้านกลุ่มสุดท้าย

มันต้องใช้ลูกเรือถึง 2,225,000 คน มากกว่า Death Star ถึงเกือบสองเท่า ยังไม่รวมทหาร Stormtrooper และ
Praetorian Guard ที่คอยคุ้มกันลูกเรือและ Snoke อีกหลายหมื่นชีวิต มันยังสามารถขน Walker อย่าง AT-M6 และ AT-ST ที่ BB-8 ใช้พา Fin หนีในภาค 8 ได้อีกนับไม่ถ้วน 

มันบรรทุกยาน Star Destroyer ได้ ถึง 8 ลำ สองลำจอดอยู่ด้านในยานเพื่อซ่อมบำรุง ส่วนอีกหกลำเทียบจอดอยู่ที่ด้านนอก ที่ท่าเทียบยานบริเวณปีกทั้งสองข้าง เพื่อเติมเสบียง

The Supremacy ผลิตโดยบริษัท Kuat-Entralla Engineering ซึ่งมันเป็นยานที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างมา มันสูง 3.98 กิโลเมตร ยาว 13.24 กิโลเมตร และกว้างถึง 60.54 กิโลเมตร ถ้าคุณจอดมันไว้ที่จังปวัดปทุมธานีล่ะก็ ปลายปีกข้างนึงจะอยู่ที่สีลม ส่วนอีกข้างจะทอดยาวไปถึงวัดมหาธาตุ จังหวัดอยุธยา

มาดูรายละเอียดภายในยานกันบ้าง เริ่มจากปลายปีกฝั่งขวา (สีลม) ที่ปลายปีก จะมีระบบสื่อสารติดตั้งอยู่ที่ปลายปีกทั้งสองข้าง ถัดมาเป็นส่วนของห้องวิจัยลับ และแล็บทดสอบอาวุธอันตราย

ถัดมาเป็นระบบผลิตน้ำ และบำบัดน้ำเสีย และเราจะเห็นว่าท่าเทียบยาน Star Destroyer ทั้ง 6 ลำที่พูดถึงเมื่อสักครู่อยู่ตรงส่วนนี้ จะเห็นว่ามีท่อสำหรับลำเลียงเสบียงและเชื้อเพลิงขึ้นไปบน Star Destroyer ที่ด้านข้าง

ยานใช้เครื่องยนต์หลักขนาดใหญ่ถึง 32 เครื่อง จึงจำเป็นต้องมีโรงงานหมุนเวียนระบบหล่อเย็นให้กับเครื่องยนต์ของยาน ถังลูกกลมๆ นี้เป็นไซโลเก็บน้ำหล่อเย็น และปั้มที่ทำหน้าที่สูบน้ำไปเลี้ยงให้กับเครื่องยนต์ทั้ง 32 เครื่อง

เนื่องจากยานมีขนาดกินพื้นที่ถึง 3 จังหวัด มันจึงมีระบบลำเลียงแบบรางที่ทอดยาวไปถึงที่อีกด้านนึงของยาน เพื่อขนส่งเสบียงและสิ่งของไปทั่วยานได้อย่างรวดเร็ว

ถัดมาอีกประมาณ 15 กิโลเมตร จากปลายปีกเป็นส่วนของระบบพยุงชีพ สร้างและหมุนเวียนอากาศ รวมไปถึงผลิตอาหารสำเร็จรูปเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตนับล้านบนยาน

เดินมาอีก 5 กิโลเมตรจากระบบพยุงชีพ ก็จะเจอกับ Hyperdrive ขนาดยักษ์ติดตั้งอยู่ที่ส่วนนี้ ข้างๆ กัน เป็นเครื่องสร้างเกราะ เตาปฏิกรณ์ และถังเก็บสารเคมีจากเตาปฎิกรณ์

The Supremacy มีอำนาจการรบเทียบเท่ากับกองยานทั้งฝูง และยังมีกำลังในการผลิตยานเทียบเท่ากับระบบดาวทั้งดวง ส่วนนี้เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตยานพาหนะภาคพื้นดินทั้งหมด ซึ่งโรงงานผลิตยานอื่นๆ จะเจอในส่วนถัดๆ ไปเมื่อเราพาชมไปถึงปลายสุดของอีกด้านนึงของยาน

ด้านหลังสุดเป็นห้องกักกัน และจะเห็นห้องซักผ้าเบอร์ 346 ซึ่งเป็นห้องเดียวกับที่เห็นในฉากหุ่นยนต์รีดผ้าในภาค 8

30 กิโลเมตร มาถึงกลางยาน (ปทุมธานี) เป็นที่อยู่ของส่วนสำคัญๆ ทั้งหลาย เช่น สะพานเดินเรือ ระบบติดตามการหนีด้วย Hyperspace พื้นที่ส่วนกลาง ราชบัลลังก์ของ Snoke และห้องประชุม ซึ่งจุผู้ร่วมประชุมได้ถึง 200,000 คน

ที่ด้านหน้าชั้นล่าง เป็นพื้นที่ของมหานครขนาดย่อม ซึ่งเต็มไปด้วยห้องพักอาศัยของลูกเรือจำนวน 2 ล้านกว่าชีวิต มากกว่าประชากรในจังหวัดเชียงใหม่ซะอีก

ถัดไปทางฝั่งซ้าย มีโรงซ่อมดรอยด์ และ โรงงานผลิตยานขับไล่ ซึ่งอยู่ติดกับโรงหล่อเหล็ก 1 ใน 8 แห่งที่มีกระจายอยู่ทั่วยาน และเหมืองสำหรับขุดเอาแร่ต่างๆ ได้โดยตรงจากดาวเคราะห์ที่มีแร่นั้นๆ อยู่ ใช้ในการผลิตเป็นวัสดุสำหรับผลิตชิ้นส่วนเพื่อประกอบเป็นยาน และอาวุธ

ไฮไลท์อีกแห่งนึงก็คืออู่ต่อและโรงซ่อมบำรุงยาน Star Destroyer จะเห็นว่ามันดูเล็กแค่ไหนเมื่อเทียบกับ Supremacy ซึ่งเมื่อเสร็จงานแล้ว มันจะถูกเคลื่อนย้ายออกจากโรงซ่อมผ่านทางประตูขนาดใหญ่ด้านล่าง และส่วนถัดมาจะเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนให้กับ Star Destroyer

ถัดมาอีก 5 กิโลเมตรจากกลางยาน เป็นโรงประกอบดรอยด์ซึ่งได้รางวัลโรงงานยอดเยี่ยมในเรื่องประสิทธิภาพในการผลิต ข้างๆ กันเป็นศูนย์ฝึก Stormtrooper และโถงสำหรับจัดเตรียมกองทัพ Stormtrooper ซึ่งจุทหารได้ 36,000 คนต่อโถง ส่วนที่ด้านหน้าสุดเป็นเรือนพยาบาล

เครื่องยนต์หลัก ทั้ง 32 เครื่อง เป็นชนิด Sublight-array Engine (เครื่องยนต์ที่บินด้วยความเร็วต่ำกว่าแสง) ซึ่งเป็นเครื่องยนตร์ของ Death Star ที่นำมาปรับปรุงใหม่ พร้อมกับเครื่องยนต์เล็กบังคับทิศทางซึ่งกระจายอยู่รอบตัวยาน

ไม่มีการระบุตัวเลขที่แน่นอนสำหรับจำนวนปืนใหญ่ของยาน แต่ที่แน่ๆ มันมี Turbolaser, Missile Battery, Ion Canon และ Tractor Beam รวมกันแล้วมากกว่า 1,000 กระบอก

น่าเสียดายที่มันต้องถูกแยกเป็นสองส่วนด้วยความเสียสละชีพของรองพลเรือกเอก Amilyn Holdo ที่หันหน้ายาน Raddus เข้าชนด้วย Hyperspace ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างจากแผนอพยพหนีที่วางไว้โดย Snoke ก่อนหน้านี้ ช่วยให้ปฐมภาคีส่วนใหญ่ที่เหลือสามารถรวมตัวกันได้อีกครั้ง

ถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับซากของยาน อันที่จริงมันสามารถถูกนำมาซ่อมใหม่ได้ แต่ก็เหมือนกันทุกสิ่งบนโลกนี้ สร้างขึ้นใหม่มักจะง่ายกว่าซ่อมของเก่า โดยเฉพาะการซ่อมสิ่งที่เสียหายหนักขนาดนี้

ก่อนจะไป ขอแถมเรื่อง Hyperspace Tracking System ซึ่งได้ถูกพูดถึงแบบผ่านๆ แล้วครั้งนึง ในฉากที่ Jyn Erso กำลังค้นหาตำแหน่งของแแบบแปลนของดาวมรณะ บน Citadel Tower ทีดาว Scarif ในหนังภาคแยก Rogue One

มันเป็น 1 ในโปรเจคลับ ซึ่งปฐมภาคีนำมาสานต่อจนใช้ได้จริง ซึ่งใช้หลักการคำนวณหาเส้นทาง Hyperspace ทั้งหมดที่เป็นไปได้ จากจุดที่เหยื่อหนี ด้วยฐานข้อมูลปริมาณมหาศาลของทั้งกาแล็กซี่

ซึ่งจะได้ออกมาเป็นตำแหน่งที่เป็นที่หมายของเหยื่อ จากตำแหน่งที่เป็นไปได้จำนวนกว่าล้านล้านตำแหน่ง ทำให้ต้องใช้ Supercomputers ขนาดยักษ์ที่ติดตั้งอยู่ในห้องที่ DJ แงะเข้าไป เพื่อใช้ในการคำนวณ ทำให้สามารถหาที่หมายของเหยื่อได้ในเวลาที่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

และให้สังเกตตอนที่ Leia ใช้ Force ดึงตัวเองกลับยาน จากการถูกระเบิดใส่สะพานเดินเรือ เป็นไปได้มั้ยว่ามันมีผลกับเหตุการณ์ล่วงหน้า หรือแค่เป็นเรื่องบังเอิญ...

และนี่คือทั้งหมดที่เรารู้เกี่ยวกับ The Supremacy ยานของ Snoke คุณคิดอย่างไรกับการจากไปของ Snoke และยานของเค้า จะมีอะไรที่ใหญ่กว่านี้ให้เราเห็นอีกมั้ยในภาค 9 และอย่าลืม หากคุณอยากรู้เรื่องราวไหนเกี่ยวกับ Star Wars คอมเมนท์บอกเราและเพื่อนๆ ไว้ ถ้าดูน่าสนใจ เราจะหยิบเอาเรื่องราวของคุณมาไว้บนบันทึกของเรา

Hope Lore

ขาย-แลก มือสอง

เข้าสู่เว็บบอร์ด >>
ตะกร้า
( 0 )
▲
▼
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านME HOPE : Thai Star Wars Shop
ME HOPE : Thai Star Wars Shop
คำว่า Hope มาจากชื่อภาคของภาพยนตร์ Star Wars ภาคแรกที่ออกฉาย เป็นความหวังของเรา ที่จะมีร้านรวมสินค้า Star Wars ที่รวมเฉพาะสินค้า Star Wars จากทั่วโลกให้ได้ เมื่อสมัยเด็กๆ ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ผมก็เหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป ชอบดูหนัง แต่ไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้จดจำ และอยากติดตาม เท่ากับ Star Wars หลังจากที่ได้ดูครั้งแรก ก็ชอบมานับจากนั้น ในยุคนั้น สินค้า Star Wars นับได้ว่าหาแทบไม่มี (ในความรู้สึกของผม) ตามห้างก็ราคาแพง อินเตอร์เน็ตก็ยังไม่รู้จัก ในฐานะเด็กน้อยคนนึง จึงไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ ของสะสมที่เกี่ยวกับ Star Wars ซักชิ้น ได้แต่มอง และฝันว่าซักวันจะได้เป็นเจ้าของโมเดลยาน หรือ ฟิกเกอร์ซักตัว เวลาผ่านไป 10 กว่าปี Star Wars กลับมาอีกครั้ง หลังจากภาค VII: The Force Awakens ออกฉาย ในปี 2015 ความคลั่ง Star Wars ในตัวก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ผมก็สามารถจะสะสม สินค้าเกี่ยวกับ Star Wars ได้ตามที่ใจต้องการ แต่เมื่อค้นดูในอินเตอร์เน็ต สินค้า Star Wars ก็อยู่แบบกระจัดกระจาย ร้านนู้นนิด ร้านนี้หน่อย จึงเกิดไอเดียที่จะรวบรวมสินค้า Star Wars ล้วนๆ ไว้สถานที่ใดซักแห่ง เพื่อให้แฟนๆ Star Wars ทุกคนได้ค้นหาของสะสมชิ้นโปรดได้อย่างสะดวกที่สุด ผมจึงเริ่มก่อตั้งร้านนี้ขึ้นนับจากตอนนั้น โดยหวังว่า Me Hope จะรวมสินค้า Star Wars ให้ได้มากที่สุด และจะรวบรวมทุกๆ อย่าง ที่เกี่ยวข้องกับ Star Wars ตั้งแต่สินค้าของสะสม ไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยว และข่าวสารเกี่ยวกับ Star Wars เมื่อนึกถึง Star Wars ก็ให้นึกถึง Me Hope...
เบอร์โทร : 0909560942
อีเมล : mehopeshop@hotmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
ค้นหาสินค้าในร้านนี้
หรือค้นหาอย่างละเอียด
ค้นหาสินค้า
สินค้าที่ดูล่าสุด

{{pdata.name}}
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้
↑
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม